ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ตามแนวชายแดนไทย–กัมพูชา สามารถลงทะเบียนขอรับเงินเยียวยาชายแดนไทย–กัมพูชา จากกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้ ตั้งแต่วันที่ 27 ส.ค.–15 ต.ค. 2568 โดยมีอัตราช่วยเหลือครัวเรือนละ 2,000–5,000 บาท ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขการอพยพและพื้นที่ประสบภัย
พื้นที่–เกณฑ์รับเงินเยียวยาชายแดน
รัฐบาลกำหนดช่วยเหลือประชาชนใน 7 จังหวัดชายแดนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา ได้แก่
- อุบลราชธานี
- ศรีสะเกษ
- สุรินทร์
- บุรีรัมย์
- สระแก้ว
- จันทบุรี
- ตราด
อัตราการจ่ายเงินเยียวยา
- อพยพ 8 วันขึ้นไป → 5,000 บาทต่อครัวเรือน (อุบลราชธานี, ศรีสะเกษ, สุรินทร์, บุรีรัมย์)
- อพยพไม่เกิน 7 วัน → 2,000 บาทต่อครัวเรือน (ศรีสะเกษ, สระแก้ว, ตราด)
เงื่อนไขสำคัญ
- ต้องอาศัยอยู่จริงในพื้นที่ที่ประกาศเป็นเขตภัยพิบัติ
- มีหนังสือรับรองผู้ประสบภัยจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
- ผ่านการประชาคมหมู่บ้านและตรวจสอบข้อมูลโดยคณะกรรมการจังหวัด
ขั้นตอนลงทะเบียนขอรับเงินเยียวยา
ประชาชนสามารถยื่นคำร้องได้ที่ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (เทศบาล/อบต.) ในพื้นที่ที่อาศัยอยู่
ขั้นตอนหลัก
- ยื่นคำร้องต่อองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ตั้งแต่ 27 ส.ค.–15 ต.ค. 2568
- ผู้ใหญ่บ้านรวบรวมข้อมูล → ส่งให้ อปท. บันทึกลงระบบ ปภ.
- ผ่านการประชาคมหมู่บ้านและตรวจสอบระดับอำเภอ–จังหวัด
- กรม ปภ. อนุมัติและส่งข้อมูลให้ธนาคารออมสินโอนเงิน
เอกสารที่ต้องใช้
- สำเนาบัตรประชาชน
- สำเนาทะเบียนบ้าน
เงื่อนไขพิเศษ–ข้อควรรู้สำหรับผู้ลงทะเบียน
เพื่อป้องกันการลงทะเบียนซ้ำซ้อนและไม่ตรงตามจริง มีเงื่อนไขสำคัญที่ต้องทราบ ได้แก่
- 1 ครัวเรือน = 1 สิทธิ์ หากมีหลายบ้านเลขที่แต่ไม่มีผู้อยู่อาศัยจริง → ไม่สามารถลงทะเบียนได้
- ผู้ที่ไม่ได้อาศัยอยู่ในบ้านขณะเกิดเหตุ (เช่น ย้ายไปทำงานกรุงเทพฯ) → ไม่มีสิทธิ์
- บ้านไม่มีเลขที่ → ต้องให้ผู้ใหญ่บ้านรับรองความมีอยู่จริง
- ผู้รับจ้างชั่วคราว/คนต่างถิ่น/พระในวัด → ไม่เข้าข่ายรับเงินเยียวยา
- กรณีอพยพหลายครั้ง → ได้รับเงินเยียวยาเพียงครั้งเดียว
การจ่ายเงิน
- โอนเข้าบัญชี พร้อมเพย์ (ผูกกับบัตรประชาชน) เท่านั้น
- โอนให้โดยตรงจากธนาคารออมสิน หลังกรม ปภ. อนุมัติ
สรุป
ประชาชนในพื้นที่ชายแดน 7 จังหวัดที่ได้รับผลกระทบ สามารถลงทะเบียนขอรับเงินเยียวยา 2,000–5,000 บาท ได้ที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นภายใน 15 ตุลาคม 2568 ต้องมีเอกสารครบ ผ่านการตรวจสอบ และใช้บัญชีพร้อมเพย์เพื่อรับเงินโดยตรงจากรัฐ