ราคาทองคําวานนี้ ปิดปรับตัวเพิ่มขึ้น 13.80 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยได้รับแรงหนุนจากผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)ที่มีมติคงอัตราดอกเบี้ยตามคาด ด้านมัธยฐานของ Dot Plot ของเฟดฉบับใหม่แม้จะไม่เปลี่ยนแปลง แต่ก็พบว่ามีสมาชิกเฟดถึง 7 คนสนับสนุนให้มีการลดอัตราดอกเบี้ย 2 ครั้งในปีนี้ และอีก 1 คนสนับสนุนการลดอัตราดอกเบี้ย 1 ครั้งในปีนี้ บ่งชี้ ถึงสัญญาณในเชิงผ่อนคลายนโยบายการเงินที่เพิ่มขึ้นจากการประชุมครั้งก่อน ส่วน Economic Projections
Category: ราคาทอง
จากราคาทองมูลค่าหุ้นเอเชียปรับขึ้นจากการทะยานขึ้นอย่างแข็งแกร่งในไตรมาสแรกของปี 2019 ทั้งนี้ แนวโน้มหุ้นในภูมิภาคเอเชียยังคงน่าดึงดูดเมื่อเทียบกับหุ้นอื่นๆ ทั่วโลก ดัชนี MSCI หุ้นเอเชีย-แปซิฟิ กปรับขึ้นประมาณ 9% ในไตรมาสแรกของปี 2019 ซึ่งเป็นการปรับขึ้นรายไตรมาสครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ไตรมาสแรกของปี 2012 ขณะที่ตลาดหุ้นจีนปิดที่ระดับสูงสุดในรอบกว่า 1 ปี ในวันนี้ โดยได้แรงหนุนจากกระแสคาดการณ์ว่าธนาคารกลางจีน (PBOC) จะลดสัดส่วนการกันสํารอง (RRR) ของธนาคารอีกครั้งเร็วๆนี้ เพื่อหนุนสภาพคล่องของระบบการเงิน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามพยุงเศรษฐกิจที่กําลังชะลอตัว
ราคาทองคําช่วงเช้าวันนี้ทรงตัว แม้มุมมองยังคงเป็นบวก หลังจากปรับตัวขึ้นต่อเนื่องและทําระดับสูงสุดใหม่ของปีนี้บริเวณ 1,346.75 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ในระหว่างการซื้อราคาทองย้อนหลังแต่เริ่มปรับตัวขึ้นได้อย่างจํากัด ขณะที่ FOMC Meeting Minutes ประจําเดือนม.ค. ระบุว่า คณะกรรมการเฟดยังไม่แน่ใจว่าการขึ้นดอกเบี้ยยังคงมีความจําเป็นหรือไม่ในปีนี้ขณะเดียวกันกรรมการเฟดส่วนใหญ่เห็นว่า “มีเหตุสมควรที่จะต้องประกาศแผนที่จะยุติการลดขนาดงบดุลในปีนี้กล่าวโดยสรุป เฟดยังคงส่งสัญญาณในเชิงผ่อนคลาย แต่ก็พร้อมที่จะทบทวนนโยบายตามแนวโน้มเศรษฐกิจ เมื่อราคาทองวันนี้อ่อนตัวลงจึงมีแรงซื้อเข้ามาพยุงไว้แต่ราคาทองวันนี้ยังถูกกดดันจากประเด็น Brexit จากราคาทองย้อนหลัง ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป (EC)และเทเรซา เมย์ นายกฯอังกฤษได้เจรจาร่วมกันแต่ยังไม่ได้ข้อสรุป แม้ทั้งสองฝ่ายยืนยันที่จะหลีกเลี่ยงยุค Hard
ราคาทองคําช่วงเช้าแกว่งตัวในกรอบ หลังวานนี้ย่อตัวลงเข้าใกล้ 1,300 ดอลลาร์ต่อออนซ์ทั้งนี้ ราคาทองคำถูกกดดันจากสกุลเงินปอนด์ที่อ่อนค่าลงเมื่อ เทียบกับดอลลาร์หลังสำนักงานสถิติแห่งชาติอังกฤษ (ONS) เปิดเผยในวันจันทร์ว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของอังกฤษขยายตัว 1.4% ในปีที่แล้ว ถือเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 6 ปีและ ONS คาดการณ์ด้วยว่าเศรษฐกิจของอังกฤษจะชะลอตัวต่อเนื่องในปีนี้ส่วนปัจจัยที่น่าจับตาต่อ คือ การเมืองสหรัฐในส่วนของการเจรจาด้านงบประมาณ ว่าจะสามารถหลีกเลี่ยงการชัตดาวน์รัฐบาลอีกครังได้ หรือไม่ ก่อนที่งบประมาณชั่วคราวจะสิ้นสุดลงในวันที่ 15 ก.พ.
ความกังวลของนักลงทุนมากขึ้นว่า กําไรของบริษัทต่างๆในสหรัฐอาจหดตัวในปีนี้ หลังคําเตือนของบริษัทแอปเปิลเรื่องอุปสงค์อ่อนแอในจีน สอดคล้องกับโกลด์แมน แซคส์ ปรับลดคาดการณ์ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ อายุ 10 ปี ว่าจะสิ้นสุดปีนี้ ด้วยการลดลงมาที่ระดับ 3% ซึ่งตํ่ากว่าคาดการณ์ก่อนหน้าประมาณ 0.50% นอกจากนี้ โกลด์แมน แซคส์ยังปรับลด คาดการณ์ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลในประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ต่างๆ โดยเฉพาะในสหรัฐและแคนาดา เพื่อสะท้อนถึงแนวโน้มเศรษฐกิจที่อ่อนแอลง มุมมองดังกล่าวหนุนราคาทองคําไว้ ทั้งนี้ แม้ราคาทองคําอ่อนตัวลงแต่หากยืนเหนือแนวรับ 1,276
ราคาทองเมื่อวานนี้ปิดปรับตัวลดลง 2.30 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของดอลลาร์ ท่ามกลางความตึงเครียดทางการค้าระหว่างจีนและสหรัฐระลอกใหม่ หลังจีนประกาศเรียกเก็บภาษีสินค้านําเข้าจากสหรัฐในอัตราภาษี 5-10% คิดเป็นวงเงิน 6 หมื่นล้านดอลลาร์เพื่อตอบโต้การที่ประธานาธิบดีทรัมป์ ประกาศเก็บภาษีสินค้านําเข้าจากจีนวงเงิน 2 แสนล้านดอลลาร์เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา โดยจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 24 ก.ย.และจะพุ่งเป้าไปยังสินค้าสหรัฐจํานวน 5,207 รายการ ขณะที่ประธานาธิบดีทรัมป์ ทวีตข้อความล่าสุดระบุว่า สหรัฐจะทําการตอบโต้อย่างรุนแรงและรวดเร็ว หากจีนประกาศเรียกเก็บภาษีต่อสินค้าสหรัฐโจมตีฐานเสียงของทรัมป์ ทั้งนี้ การผลัดกันออกมาตรการตอบโต้ทางการค้าระหว่างกันกระตุ้นแรงซื้อดอลลาร์ให้ฐานะสกุลเงินปลอดภัยซึ่งยังคงสร้างแรงกดดันให้กับทองคํา ด้านกองทุน SPDR
ราคาทองคําวานนี้ ปิดปรับตัวเพิ่มขึ้น 3.50 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยราคาทองคําได้รับแรงหนุนบางส่วนจากการปิดสถานะขายเพื่อทํากําไร (Short Covering) ในตลาด COMEX นอกจากนี้ สกุลเงินดอลลาร์กลับมาอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับยูโร ขณะที่หยวน/ดอลลาร์มีเสถียรภาพมากขึ้นหลังจากธนาคารกลางจีนกําหนด Reserve requirement 20% สําหรับการซื้อขายอัตราแลกเปลี่ยนสัญญา Forward ซึ่งทําให้ต้นทุนการเก็งกําไรในหยวนเพิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้ราคาทองคําดีดตัวขึ้น จากระดับตํ่าสุดที่ลงไปทดสอบในระหว่างวันบริเวณ 1,207 ดอลลาร์ต่อออนซ์ อย่างไรก็ตามการปรับตัวขึ้นของราคาทองคํายังเป็นไปอย่างจํากัด โดยถูกสกัดช่วง บวกจากการปรับตัวขึ้นของดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ปิดพุ่ง