องค์ประกอบสำคัญที่จะทำให้เรามีสุขภาพที่ดีมีอยู่ 3 อย่าง ได้แก่ อาหาร , การออกกำลังกาย และการพักผ่อนให้เพียงพอ เรื่องหลักๆ ที่อยากจะให้เน้นเป็นอันดับแรกคือเรื่องของอาหารการกิน เพราะเป็นปัจจัยที่ช่วยเพิ่มพลังงานให้กับร่างกายและเป็นตัวเติมเต็มสารอาหารที่ช่วยเสริมสร้างให้ระบบต่างๆ ภายในร่างกายทำงานได้อย่างสมบูรณ์ เป็นปกติ เราจึงต้องเลือกกินอาหารที่เป็นประโยชน์
Teresa Fung ผู้ช่วยศาสตราจารย์ประจำสาขาโภชนาการ คณะสาธารณสุข มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้ออกมาให้คำแนะนำเกี่ยวเรื่องอาหารที่กินง่าย แต่ได้ประโยชน์ต่อร่างกาย และควรกินเป็นประจำ หากกินอาหารเหล่านี้ควบคู่ไปกับการออกกำลังกาย เชื่อแน่ว่าจะต้องเห็นผลความเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นแน่นอน จะมีอะไรบ้างนั้น ลองมาอ่านไปพร้อมๆ กัน
5 อาหารกินง่ายที่ร่างกายต้องได้รับ
1. บลูเบอร์รี่
บลูเบอร์รี่ เป็นผลไม้ที่มีสีม่วงเข้ม มีรสชาติเปรี้ยวอมหวาน สามารถนำมาประกอบอาหารได้ทั้งคาวและหวาน เห็นลูกเล็กๆ แบบนี้แต่ก็เต็มไปด้วยสารอาหาร ไม่ว่าจะเป็นวิตามินซี สารต้านอนุมูลอิสระ กากใยอาหารที่ช่วยในการทำงานของระบบขับถ่าย วิตามิเอ อีกทั้งยังมีแคลอรี่ต่ำเพียง 56 กิโลแคลอรี่ต่อบลูเบอร์รี่ 100 กรัมเท่านั้น หากใครที่ไม่สามารถกินผลไม้ชนิดนี้ได้ ก็ยังเลือกกินอย่างอื่นทดได้เช่นกัน อาทิ เชอร์รี่ ทับทิม หรืออาจเป็นบลูเบอร์รี่แช่เข็งที่มีวางขายอยู่ตลอดทั้งปี โดยอาจกินคู่กับโยเกิร์ตรสธรรมชาติก็ยิ่งเข้ากัน
2 ปลาแซลมอน
ถึงแม้ว่าในบ้านเรา เนื้อปลาแซลมอนจะราคาที่ค่อนข้างสูงอยู่สักหน่อย แต่ก็เป็นปลาอีกหนึ่งชนิดที่อุดมไปด้วยประโยชน์ที่ร่างกายต้องการ มีโปรตีนดี และมีกรดไขมันโอเมก้า 3 ที่ดีต่อสุขภาพของสมองและหัวใจ อีกทั้งยังมีวิตามินดีที่ช่วยบำรุงกระดูก หากคนไหนที่ไม่สามารถกินปลาแซมอนได้ทุกวัน แต่อย่างน้อยก็ขอให้กิน 1 ครั้งต่อสัปดาห์ ยังไงก็ให้ผลดีต่อร่างกายและสุขภาพของเราได้เช่นกัน
3. กะหล่ำดาว
เมื่อพูดถึงกะหล่ำปลี จริงๆ แล้วไม่มีแค่ชนิดเดียวที่มีขนาดใหญ่เท่าฝ่ามือ แต่ยังมีกะหล่ำไซส์เล็กที่มีชื่ว่า กะหล่ำดาว เพียงแต่ว่าผักชนิดนี้อาจจะหาซื้อยากอยู่สักหน่อย มีวางขายตามตลาด หรือซูเปอร์มาเก็ตบางแห่งในราคาที่ไม่ได้แพงจนเกินไป มีขนาดที่ลดมาจากกะหล่ำไซส์ปกติ แต่ก็ยังอุดมไปด้วยประโยชน์ดีๆ ที่ควรเติมเต็มสู่ร่างกาย ไม่ว่าจะเป็น วิตามินเค วิตามินซี โฟเลต โพแทสเซียม ไปจนถึงสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยป้องกันความเสียหายของเซลล์ภายในร่างกาย อีกทั้ง กะหล่ำดาวยังให้พลังงานที่ต่ำเพียง 28 กิโลแคลอรี่ต่อกะหล่ำดาว 1 ครึ่งถ้วยเท่านั้น มีประโยชน์ใกล้เคียงกับกะหล่ำหัวใหญ่ เมื่อกินเป็นประจำจะช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดเซลล์อักเสบ หรือเซลล์ปกติซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดมะเร็งได้ นำมาประกอบอาหารได้ทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะต้ม ผัด แกง ทอด
4. โยเกิร์ตธรรมชาติ
ในโยเกิร์ตมีส่วนประกอบของ โพรไบโอติกส์ ซึ่งเป็นแบคทีเรียที่ดีต่อร่างกาย ทำให้โยเกิร์ตดูจะมีประโยชน์กว่านมสดธรรมดาอยู่สักหน่อย โดยโพรไบโอติกส์นี้จะช่วยเสริมสร้างการทำงานของระบบย่อยอาหาร ระบบขับถ่าย อีกทั้งในโยเกิร์ตยังมีแคลเซียม โปรตีน วิตามินบี 12 แมกนีเซียม และกรดไขมันดีที่คอยรักษาให้ร่างกายแข็งแรงอยู่เสมอ หากเราเลือกกินโยเกิร์ตที่มีส่วนประกอบของโปรตีน ก็จะทำให้รู้สึกอิ่มเร็ว นับเป็นข้อดีหากใครที่กำลังอยู่ในช่วงควบคุมน้ำหนัก แต่ต้องระวังการกินโยเกิร์ตที่มีการเพิ่มรสชาติ เพราะจะมีปริมาณน้ำตาลที่มากเกินไป หากอยากได้รสชาติอื่นๆ เพิ่มเติม ก็สามารถกินโยเกิร์ตรสธรรมชาติควบคู่ไปกับบลูเบอร์รี่ หรือผลไม้อื่นๆ ที่น้ำตาลไม่สูง ถือเป็นการเพิ่มคุณค่าทางโภชนาการเข้าไปอีก
5. ถั่ว
ถั่ว นั้นเป็นแหล่งโปรตีนสำคัญที่เราต้องรับเข้าสู่ร่างกายเป็นประจำทุกวัน ในถั่วไม่ได้มีแค่โปรตีนเท่านั้น แต่ยังมีวิตามินอีและไขมันดีที่มีประโยชน์ต่อร่างกายอีกด้วย ไม่ว่าจะ อัลมอนด์ ถั่วลิสง วอลนัท ถั่วเขียว ถั่วดำ ถั่วเหลือง ถั่วแดง ก็ล้วนแล้วแต่ดีต่อสุขภาพั้งนั้น แต่ต้องระวังถั่วบางชนิดที่ให้พลังงานสูง อย่าง เม็ดมะม่วงหิมพานต์ อัลมอนด์ แมคคาเดมีย พิสตาชิโอ ถั่วเหล่านี้แค่กินเพียง 1 ก็อาจให้พลังงานสูงถึง 200 กิโลแคลอรี่ ฉะนั้น อย่าเผลอกินมากจนเกินไป
นอกจากกินอาหารอย่างที่แนะนำกันไปแล้ว ก็ควรหมั่นออกกำลังกายเป็นประจำ อย่างน้อย 3 – 5 ครั้งต่อสัปดาห์ รวมถึงต้องพักผ่อนให้เพียงพอไม่น้อยกว่า 6 ชั่วโมงต่อวัน สุขภาพและร่างกายของเราจะดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดแน่นอน